บทความเชิงวิชาการ
เรื่อง ปัญหาแรงงานต่างด้าว
- คนต่างด้าว หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
- ทำงาน หมายถึง
การทำงานโดยใช้กำลังกายหรือความรู้ด้วยประสงค์ค่าจ้าง
หรือประโยชน์อื่นใดหรือไม่ก็ตาม
- ใบอนุญาต หมายความว่า ใบอนุญาตทำงาน
- ผู้รับใบอนุญาต หมายความว่า คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาต
- ลูกจ้าง หมายความว่า ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 9 มาตรา
11 มาตรา 13 (1) และ (2) และมาตรา 14
ให้ทำงานที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามความในมาตรา 15
(เป็นลูกจ้างที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อเป็นประกันค่าใช้จ่ายในการส่ง
ลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักร)
- ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 9 หมายความว่า คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตาม
กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง จำแนกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
(1) ประเภททั่วไป หมายถึง
คนต่างด้าวที่เป็นแรงงานที่มีทักษะและทำงานอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูง หรืออาจ
ถูกส่งมาจากบริษัทแม่ในต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
หรือเข้ามาทำงานชั่วคราวในงานที่ต้องใช้ทักษะ และเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นความต้องการผู้ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน มีความชำนาญเฉพาะด้าน
หรือมีความสามารถ ทางการสื่อสาร (ภาษา) ที่ยังหาคนไทยที่มีความสามารถ หรือมีความชำนาญเข้ามาร่วมงานไม่ได้
หรือเป็นการเข้ามา ทำงานในกิจการที่ตนเองลงทุน หรือกิจการของคู่สมรส
หรือกิจการที่ร่วมลงทุน เป็นต้น ส่วนใหญ่ทำงานในกิจการ ดังนี้
- กิจการที่มีการลงทุนตั้งแต่ 2 ล้านขึ้นไป
- กิจการที่มีการลงทุนมากกว่า 30 ล้านขึ้นไป
-
มูลนิธิ/สมาคม/องค์การเอกชนต่างประเทศ
(2) ประเภทเข้ามาทำงานอันจำเป็นเร่งด่วน
หมายถึง คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงาน ซึ่งเป็นงานที่ต้องดำเนินการโดยทันทีทันใด หากไม่เร่งดำเนินการอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินกิจการของบริษัท
หรือลูกค้าของบริษัท หรือส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
โดยไม่มีแผนการดำเนินการล่วงหน้ามาก่อน และต้องเข้ามาทำงานนั้น ในระยะเวลาไม่เกิน
15 วัน
(3) ประเภทตลอดชีพ หมายถึง คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับ ที่ ๓๒๒ ข้อ ๑๐ (๑๐) มีสาระสำคัญว่า “ใบ อนุญาตที่ออกให้แก่คนต่างด้าวซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตาม กฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมืองและทำงานอยู่แล้วก่อนวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ให้ใช้ได้ตลอดชีวิตของคนต่างด้าวนั้นเว้นแต่คนต่างด้าวจะเปลี่ยนอาชีพใหม่
(4) ประเภทข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานกับประเทศคู่ภาคี ได้แก่
(4.1) พิสูจน์สัญชาติ หมายถึง แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการจัดระบบตามยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้า เมืองทั้งระบบ 7 ยุทธศาสตร์ โดยดำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1. การจัดระบบการจ้างแรงงานต่างด้าว หลักการคือ ปรับสถานภาพแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้เป็นแรงงานเข้าเมืองโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย เปิดโอกาสให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าว มารายงานตัวเพื่อจัดส่งรายชื่อให้ประเทศต้นทางพิสูจน์ และรับรองสถานะ เพื่อปรับเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป โดยมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวระหว่างรอการ ส่งกลับ อนุญาตให้ทำงานได้ 2 งาน คือ งานกรรมกรและคนรับใช้ในบ้าน มีใบอนุญาตทำงานบัตรสีชมพู และต้องปรับเปลี่ยนสถานะโดยการพิสูจน์สัญชาติจาดเจ้าหน้าที่ประเทศต้นทาง เพื่อรับเอกสารรับรองสถานะ ได้แก่ หนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport)1 หรือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate Of Identity)2 เป็นต้น และขออนุญาตทำงาน ได้รับใบอนุญาตทำงานเป็นชนิดบัตรสีเขียว
(4.2) แรงงานนำเข้า หมายถึง คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานต่างด้าวระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่ภาคี (MOU) ปัจจุบันทำข้อตกลงกับประเทศ 2 ประเทศ คือ ลาว และกัมพูชา
(3) ประเภทตลอดชีพ หมายถึง คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับ ที่ ๓๒๒ ข้อ ๑๐ (๑๐) มีสาระสำคัญว่า “ใบ อนุญาตที่ออกให้แก่คนต่างด้าวซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตาม กฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมืองและทำงานอยู่แล้วก่อนวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๕ ให้ใช้ได้ตลอดชีวิตของคนต่างด้าวนั้นเว้นแต่คนต่างด้าวจะเปลี่ยนอาชีพใหม่
(4) ประเภทข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานกับประเทศคู่ภาคี ได้แก่
(4.1) พิสูจน์สัญชาติ หมายถึง แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการจัดระบบตามยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้า เมืองทั้งระบบ 7 ยุทธศาสตร์ โดยดำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1. การจัดระบบการจ้างแรงงานต่างด้าว หลักการคือ ปรับสถานภาพแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้เป็นแรงงานเข้าเมืองโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย เปิดโอกาสให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าว มารายงานตัวเพื่อจัดส่งรายชื่อให้ประเทศต้นทางพิสูจน์ และรับรองสถานะ เพื่อปรับเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป โดยมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวระหว่างรอการ ส่งกลับ อนุญาตให้ทำงานได้ 2 งาน คือ งานกรรมกรและคนรับใช้ในบ้าน มีใบอนุญาตทำงานบัตรสีชมพู และต้องปรับเปลี่ยนสถานะโดยการพิสูจน์สัญชาติจาดเจ้าหน้าที่ประเทศต้นทาง เพื่อรับเอกสารรับรองสถานะ ได้แก่ หนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport)1 หรือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate Of Identity)2 เป็นต้น และขออนุญาตทำงาน ได้รับใบอนุญาตทำงานเป็นชนิดบัตรสีเขียว
(4.2) แรงงานนำเข้า หมายถึง คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานต่างด้าวระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่ภาคี (MOU) ปัจจุบันทำข้อตกลงกับประเทศ 2 ประเทศ คือ ลาว และกัมพูชา
ผลกระทบของแรงงานต่างด้าว
แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ในปัจจุบัน
ได้สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้น ในสังคมไทย โดยสามารถแบ่งได้ เป็น 3 ด้าน ดังนี้
1. ผลกระทบทางสังคม อาทิ ปัญหาด้านอาชญากรรมและยาเสพติด
เป็นที่ทราบกันดีว่า การมีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวนมาก
ทำให้เกิดการแย่งงานกันเองระหว่างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายด้วยกัน
แรงงานต่างด้าวบางส่วนว่างงาน จึงมักพบว่า
มีการลักทรัพย์เกิดขึ้นในชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอยู่จานวนมาก
บ่อยครั้งมีการทะเลาะวิวาทจากการดื่มสุราและมีการลักทรัพย์จากร้านค้าและ ชุมชนไทย
ทำให้คนไทยบางส่วนเกิดความหวาดระแวงและหวาดกลัวภัยจากการที่แรงงานต่างด้าว
ผิดกฎหมาย อยู่ในชุมชน นอกจากนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชุมชนอีกประการที่เห็นได้ชัดเจน คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม มีขยะมาก
ชุมชนสกปรกขึ้นเพราะความไม่มีระเบียบของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
ปัญหาการลักลอบเข้าเมือง การเคลื่อนย้ายแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะ พม่า
ลาวและกัมพูชา ที่เข้ามาในประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี
จากสถิติผู้ต้องขังชาวต่างชาติที่ถูกจับเนื่องจากเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือ
กระทาความผิดในคดีต่างๆ และกำลังรอการส่งกลับหรือผลักดันออกนอกประเทศในแต่ละปี
มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยมีผู้ต้องขังชาวพม่า มีจำนวนมากที่สุดมาโดยตลอดรองลงมา
คือ กัมพูชา และลาว ตามลำดับ
ปัจจุบันคาดว่ามีผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ยังไม่มาจดทะเบียนประมาณ 1
– 1.5 ล้านคน ครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้เป็นผู้หญิงและเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็น
เหยื่อของการค้ามนุษย์ ปัญหาด้านการศึกษา
โอกาสในการศึกษาของเด็กในครอบครัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่จะได้รับการ
ศึกษามีอยู่ 2 ลักษณะคือ
การศึกษาจากชั้นเรียนที่ไม่เป็นทางการที่จัดขึ้นกันเอง ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
และการได้เข้าเรียนในสถานศึกษาของไทย
แต่การที่ลูกของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเหล่านี้จะได้รับการศึกษาเหมือนเด็ก
ไทยนั้น เป็นไปได้ยาก เนื่องจากสถานศึกษาหลายแห่งอ้างว่าเด็กไม่มีสัญชาติไทย
ขณะเดียวกันการเปิดโอกาสให้เด็กต่างด้าวเข้าสู่ระบบการศึกษาของไทย
ก็จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการศึกษาของเด็กไทยด้วย
2. ผลกระทบทางด้านสาธารณสุข แรงงานต่างด้าวบางส่วน
ได้เป็นพาหนะนาโรคใหม่ๆ เข้ามาในประเทศไทย
ถึงแม้ว่าแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการตรวจ
สุขภาพและค้นหาโรคจากหน่วยงานสาธารณสุขของจังหวัดและได้รับบัตรประกันสุขภาพ
แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและไม่ขึ้นทะเบียน
แรงงานต่างด้าวที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนกลุ่มนี้
สร้างปัญหาและผลกระทบในด้านสาธารณสุขต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก
เนื่องจากมีความยากลาบากในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข
และการรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์
อันก่อให้เกิดผลกระทบในแง่ลบแก่สภาวะสุขภาพอนามัยต่อแรงงานต่างด้าว เช่น
การแพร่ระบาดหรือการกระจายโรคติดต่อที่สำคัญ
จากรายงานการศึกษาเรื่องความต้องการจ้างแรงงานอพยพต่างชาติในประเทศไทยปี 2546 – 2549 โดยสถาบันเอเชียศึกษา
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และสถาบันวิจัยประชากรและสังคม
พบว่าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายส่วนหนึ่งเป็นโรคติดต่อและเจ็บป่วยด้วยโรคที่
ประเทศไทยเคยควบคุมได้แล้ว มีการตรวจพบโรคต่างๆดังนี้ มาเลเรีย วัณโรค เท้าช้าง
ไข้เลือดออก โรคเรื้อน และไข้กาฬหลังแอ่น ซึ่งหากไม่มีการควบคุมให้ดีแล้ว
อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคเหล่านี้ในประเทศไทยอีกครั้ง
ผลกระทบต่อรายจ่ายทางด้านสาธารณสุขหรืองบประมาณที่รัฐต้องเสียไปในการดูแล
ปัญหาเหล่านี้หรืออาจกล่าวได้ว่ารัฐต้องแบ่งปันทรัพยากรของคนไทยในด้านการ
ส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมดูแลและการป้องกันโรค ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์อุปกรณ์
เวชภัณฑ์ ค่าใช้จ่ายและเวลาในการออกติดตามในการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขของแรงงาน
ต่างด้าว โดยเฉพาะจังหวัดบริเวณชายแดน จะแบกรับภาระสูงเพราะมีผู้มาใช้บริการมาก
3.ผล กระทบด้านความมั่นคง การที่มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก
กระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
โดยไม่ทราบจำนวนและที่พักอาศัยของแรงงานต่างด้าวทั้งหมดที่มีอยู่แท้จริง
แต่มีการประมาณว่าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่อยู่ในประเทศไทยน่าจะมีไม่ต่ำ กว่า 2 ล้านคน ในขณะที่การบริหารแรงงานต่างด้าวยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ดังนั้นปัญหาแรงงานต่างด้าวจึงย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติพม่า
มีการจ้างทำงานหนาแน่นมากที่สุดบริเวณชายแดนที่ติดต่อกับประเทศพม่า ได้แก่
จังหวัดตาก เชียงใหม่ และระนอง ลงมาจนถึงบริเวณพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง
ซึ่งเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจของประเทศและเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแบบเข้มข้น
ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายผลักดันแรงงานต่างด้าวแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร
เพราะถึงแม้จะสามารถผลักดันคนต่างด้าวกลับไปได้ แต่ไม่นาน
คนเหล่านั้นก็เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยอีก
นอกจากนี้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายยังมีที่อยู่ไม่ถาวร
มีการเคลื่อนย้ายเข้าออกระหว่างประเทศ
แรง
งานต่างด้าวในประเทศไทยที่เป็นประเด็นปัญหาใหญ่อยู่ในปัจจุบันนี้
ก็คือแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศไทยและความแตกต่างกันในทางเศรษฐกิจ
กลายเป็นปัจจัยดึงดูดแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ถึงแม้ว่าแรงงานต่างด้าวเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และมีความจำเป็นสำหรับประเทศ
ไทยอยู่พอสมควรก็ตาม แต่จำนวนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่ได้หลั่งไหลเข้ามาอย่างมากมาย
ได้ก่อให้เกิดปัญหาและเกิดผลกระทบต่างๆ ในสังคมไทยเป็นอย่างมาก
ปัญหาเกี่ยวกับการลักลอบเข้าเมืองเพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทยของแรงงานต่างด้าวหลบหนี174เข้าเมือสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมานานและต่อเนื่องจนเป็นปัญหาที่มีความสำคัญ
ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจการเมือง และสังคม แรงงานต่างด้าวได้กระจายไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ
ทั่วประเทศ ยากต่อการควบคุมและตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ การลักลอบเข้าเมืองมีการกระทำเป็นขบวนการตั้งแต่หาคนจากหมู่บ้าน
โดยนายหน้าในประเทศต้นทางจนกระทั่งนำข้ามพรมแดนส่งให้นายหน้าในประเทศไทยเพื่อส่งต่อให้นายจ้างที่แจ้งความต้องการไว้
ขบวนการเหล่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเข้ามามีส่วนรู้เห็น และร่วมดำเนินการ
สาเหตุที่แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยเนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางสาขาอาชีพ
โดยเฉพาะแรงงานในระดับล่าง ประกอบกับแรงงานไทยมีระดับการศึกษาที่สูงขึ้น และไม่นิยมทำงานประเภท
3D คือ งานหนัก (Difficult) งานสกปรก(Dirty)
งานที่มีความเสี่ยง (Dangerous) จากสภาพปัญหาดังกล่าว
ทำให้นายจ้าง/สถานประกอบการต่างๆที่ขาดแคลนแรงงาน มีความจำเป็นต้องหาแรงงานต่างด้าวมาทดแทน
เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแรงงานต่างด้าวยังมีค่าจ้างที่ต่ำ
นายจ้างสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกทางหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้แรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านอันได้แก่
พม่าลาว กัมพูชา ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจด้อยกว่าประเทศไทยพากันอพยพเข้ามาทำงานในประเทศไทยจำนวนมาก
มาตรการทางกฎหมายในการจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
ภาครัฐได้พยายามแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลหนีเข้าเมืองโดยใช้มาตรการและวิธีการต่างๆ
โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายโดยสรุปดังนี้
1)
ใช้มาตรการผ่อนผันให้นายจ้าง/สถานประกอบการนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจดทะเบียนและขอใบอนุญาตทำงานตั้งแต่ปี
2535 สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
2)
มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
(กบร.) ขึ้นมาเพื่อกำหนดนโยบาย มาตรการในการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
3)
ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
โดยมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้าง
แรงงาน ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา และมีการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่
การพิสูจน์สัญชาติ และการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
4)
ใช้มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ได้แก่พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พ.ศ. 2551 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. 2551 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร
พ.ศ. 2534 พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
วิเคราะห์ปัญหาทางกฎหมายการจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
แม้ว่าภาครัฐจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามมาตรการดังกล่าวแล้วก็ตาม
แต่ยังพบประเด็นปัญหาที่สำคัญสรุปได้ดังนี้
ประเด็นที่ 1 ปัญหาเกี่ยวกับนโยบายการจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองของรัฐบาล
นโยบายการจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง มี 4 รูปแบบ
ได้แก่ จำกัดพื้นที่และประเภทกิจการไม่จำกัดพื้นที่และประเภทกิจการ การอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันและมีใบอนุญาตทำงานต่ออายุทำงานแต่ไม่เปิดให้คนใหม่เข้าระบบ
และจำกัดพื้นที่แต่ไม่จำกัดประเภทกิจการ เป็นนโยบายแก้ไขปัญหาในระยะสั้นรายปี ประกอบมติคณะรัฐมนตรีล่าสุดปี
พ.ศ. 2552เปิดให้จดทะเบียนในกิจการต่างๆ
รวม 24 กิจการ ทำให้มีแรงงานต่างด้าวกระจายทุกจังหวัดของประเทศไทยซึ่งยากต่อการควบคุม
ประเด็นที่ 2 ปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนี
เข้าเมืองภายใต้คณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
คณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (กบร.)
มีจุดแข็งที่สามารถช่วยยกระดับการแก้ปัญหาเป็นปัญหาระดับชาติภายใต้การดูแลของนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับหมอบหมาย
และมอบหมายให้กรมการจัดหางานเป็นเลขานุการ แต่ก็มี175อุปสรรคที่สำคัญ
คือ ไม่มีสำนักงานเป็นของตนเองขณะเดียวกันต้องดูแลแรงงานต่างด้าวนับล้านคน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลแรงงานต่างด้าวหลายฉบับประกอบกับการบริหารจัดการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองต้องเน้นหนักในด้านความมั่นคง
ซึ่งไม่ใช่ภารกิจหลักของกรมการจัดหางาน ซึ่งมีหน้าที่ในการออกใบอนุญาตทำงานให้แรงงานต่างด้าวเป็นหลัก
ประกอบกับการจัดตั้ง กบร. เป็นเพียงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นการใช้อำนาจทางบริหารของรัฐบาลไม่มีกฎหมายแม่บทรองรับ
ประเด็นที่ 3 ปัญหาเกี่ยวกับการพิสูจน์สัญชาติของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
ในการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวและกัมพูชาที่ผ่านมา
ไม่ค่อยมีปัญหาเนื่องจากทางการลาวและกัมพูชาเข้ามาพิสูจน์สัญชาติในประเทศไทยจะมีปัญหาอุปสรรคบ้างได้แก่
ปัญหาการเดินทางมาพิสูจน์สัญชาติต้องขออนุญาตออกนอกเขตจังหวัดตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
สำหรับกรณีการพิสูจน์สัญชาติแรงงานพม่าพบปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ แรงงานพม่าต้องเดินทางไปพิสูจน์สัญชาติที่ประเทศพม่าและต้องขออนุญาตออกนอกเขตจังหวัดจากปลัดกระทรวงมหาดไทย
ปัญหาค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์สัญชาติมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากไม่มีกฎหมายบังคับบริษัทนายหน้าในเรื่องของค่าใช้จ่ายและค่าบริการ
ที่พาแรงงานต่างด้าวไปพิสูจน์สัญชาติ ทำให้แรงงานต่างด้าวบางส่วนไม่ไปพิสูจน์สัญชาติ
ปัญหาแรงงานต่างด้าวบางส่วนจะไม่เข้าสู่ระบบการพิสูจน์สัญชาติเพราะกลัวถูกจับ มีความคาดหวังว่าจะได้รับสัญชาติไทย
มีคนต่างด้าวสัญชาติอื่นสวมสิทธิ์เป็นคนสัญชาติพม่า และปัญหาแรงงานต่างด้าวไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ
ประเด็นที่ 4 ปัญหาเกี่ยวกับการนำเข้าแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน
พบว่าปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ ขั้นตอนในการนำเข้ามีหลายขั้นตอน
ใช้ระยะเวลาดำเนินการจัดส่งแรงงานให้แก่นายจ้างในประเทศนาน ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสูง
และไม่มีมาตรการควบคุมและลงโทษบริษัทจัดหางานที่จัดส่งแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทยกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ประกอบกับบริษัทจัดหางานที่จัดส่งแรงงานไม่มีบริษัทตัวแทนที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานในประเทศไทย
เนื่องจากประเทศไทยไม่มีกฎหมายบัญญัติในเรื่องของการนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศ และไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทจัดหางานเพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าว
ทำให้ไม่สามารถควบคุมสายหรือนายหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัทจัดหางานที่อยู่ในเมืองไทยได้นอกจากนี้กฎหมายก็ไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการเป็นตัวแทนในการติดต่อนำเข้าแรงงานต่างด้าวกับบริษัทจัดหางานในประเทศเพื่อนบ้าน
หรือให้มีนำเข้าระหว่างรัฐต่อรัฐ หน่วยงานของรัฐเป็นเพียงผู้ออกใบอนุญาตทำงานและเป็นหน่วยงานกลางคอยจัดส่งเอกสารเท่านั้น
ปัญหาแรงงานต่างด้าวนำเข้าโดยถูกกฎหมาย ไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ ทำให้ต้องลักลอบทำงาน
ประเด็นที่ 5 ปัญหาเกี่ยวกับการเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าวตามช่วงระยะเวลาหรือตามฤดูกาล
พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551
มาตรา 14 กำหนดให้คนต่างด้าวซึ่งมีภูมิลำเนา
และเป็นคนสัญชาติของประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย ซึ่งมีเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
และสามารถทำงานภายในท้องที่ที่อยู่ติดกับชายแดนหรือท้องที่ต่อเนื่องกับท้องที่ดังกล่าวได้
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้ามาทำงานของคนต่างด้าวบริเวณชายแดน และแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานของคนต่างด้าวในตัวเมืองชั้นใน
แต่ปรากฏว่าพบปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญ คือพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522
มาตรา 13 (2)กำหนดให้คนต่างด้าวสัญชาติของประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยเดินทางข้ามพรมแดนไปมาชั่วคราวให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
และปัจจุบันได้มีข้อตกลงระหว่าประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ใช้หนังสือผ่านแดน(Border
Pass)ในการเดินทางระหว่างชายแดนซึ่งหนังสือผ่านแดนมิใช่เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
จึงไม่สามารถนำมาขอใบอนุญาตทำงานได้นอกจากนี้กฎหมายซึ่งได้กำหนดให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานในท้องที่ที่อยู่ติดกับชายแดน
และท้องที่ต่อเนื่องกับท้องที่ชายแดนได้ด้วยซึ่งอาจมีปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาตัวเมืองชั้นในได้เนื่องจาก
เมื่อพิจารณาจังหวัดซึ่งมีพื้นที่ติดกับ176ชายแดนของประเทศพม่า
ลาว และกัมพูชา รวมทั้งสิ้นจำนวน 26 จังหวัด และจังหวัดที่ต่อเนื่องกับจังหวัดดังกล่าว
จำนวน 26 จังหวัด รวมจำนวนทั้งสิ้น 52 จังหวัด
ประเด็นที่ 6 ปัญหาเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
และผู้เกี่ยวข้อง
ปัญหาอุปสรรคในการป้องกัน ปราบปราม และสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ผ่านมา
พบปัญหาอุปสรรคที่สำคัญ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ใช้มาตรการในการผลักดันและส่งกลับตามมาตรา 54 แห่งพระราช
บัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 โดยไม่มีการดำเนินคดีเนื่องจากประเทศไทยไม่มีสถานที่กักกันและงบประมาณที่เพียงพอในการดูแลแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทำให้แรงงานต่างด้าวไม่เกรงกลัวการถูกลงโทษ
ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวด มีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนำพา
การปลอมแปลงเอกสาร ทะเบียน บัตรประจำตัว นอกจากนี้ยังพบประเด็นปัญหาทางกฎหมายที่สำคัญกล่าวคือ
พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. 2551 ได้แก่ ไม่มีการแยกบทลงโทษระหว่างแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและลักลอบทำงาน
กับแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมาย และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต นายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่มีบทลงโทษจำคุก
กฎหมายไม่ให้อำนาจเด็ดขาดในการจับกุมแรงงานต่างด้าว ไม่มีบทลงโทษกรณีฝ่าฝืนไม่เสียค่าธรรมเนียมการจ้างแรงงานต่างด้าว
ไม่ได้กำหนดหน้าที่นายจ้างให้ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อต่างด้าวออกจากงานและบทลงโทษหากฝ่าฝืน
อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากคำสั่งกระทรวงแรงงานซึ่งแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. 2551 ไม่ครอบคลุมลูกจ้างพนักงานราชการของกรมการจัดหางาน
และไม่มีเจ้าหน้าที่จากองค์กรส่วนท้องถิ่นเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าวพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พ.ศ. 2551 มาตรา 37 กำหนดให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ตกเป็นเยื่อของการค้ามนุษย์สามารถทำงานได้เป็นการชั่วคราวมีความไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. 2522 เนื่องจากแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองดังกล่าว
ไม่อยู่ในสถานะที่เป็นผู้เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมายคนเข้าเมืองแต่อย่างใด จึงไม่สามารถมาขอใบอนุญาตทำงานได้
และยังพบปัญหากรณี หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ไม่สามารถหางานให้แรงงานต่างด้าวทำได้ เนื่องจากพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน
พ.ศ. 2528 ไม่ให้อำนาจในการจัดหางานให้คนต่างด้าวทำ
ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานเนื่องจากปัญหาการจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองส่วนหนึ่งเกิดจากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
แรงงานต่างด้าวไม่กล้าใช้สิทธิตามกฎหมายทำให้แรงงานต่างด้าวต้องหลบหนีจากนายจ้างเดิมไปอยู่กับนายจ้างรายใหม่ที่ให้ค่าจ้างและสวัสดิการดีกว่า
โดยไม่มีการแจ้งย้ายหรือเปลี่ยนนายจ้าง หรือไม่ขออนุญาตออกนอกเขตท้องที่ตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด
ทำให้แรงงานต่างด้าวเหล่านี้ก็จะกลายเป็นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่อยู่นอกระบบและยากต่อการควบคุมนอกจากนี้
กรณีแรงงานต่างด้าวถูกเลิกจ้างเนื่องจากนายจ้างตายหรือเลิกกิจการ หนีนายจ้างเนื่องจากถูกนายจ้างทำทารุณกรรม
นายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน จำเป็นต้องหานายจ้างรายใหม่ แต่ปรากฏว่ากรมการจัดหางานและภาคเอกชนก็ไม่มีอำนาจในการหานายจ้างหรือหางานให้คนต่างกับแรงงานต่างด้าวดังกล่าวได้เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจในการจัดหางานให้คนต่างด้าวทำ
ประเด็นที่ 7 ปัญหาเกี่ยวกับการบูรณาการ และการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบันพบปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ
ซึ่งจัดเก็บข้อมูลคนต่างด้าวได้แก่ กรมการปกครอง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน
กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงศึกษาธิการ แต่ละหน่วยจัดเก็บข้อมูลไว้ใช้เฉพาะหน่วยงานของตน
ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้อย่างบูรณาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
ทำให้มีปัญหาการตรวจสอบติดตามและควบคุมแรงงานต่างด้าว
4.
ข้อเสนอแนะ
จากข้อสรุปวิเคราะห์ดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะ
ดังต่อไปนี้
4.1
ข้อเสนอแนะด้านกฎหมาย
4.2
ข้อเสนอในด้านนโยบาย
1)
รัฐบาลควรมอบอำนาจและกระจายอำนาจความรับผิดชอบให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
พ.ศ. 2551 เข้ามาดำเนินการในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
เนื่องจากจะทราบความต้องการและจำเป็นของพื้นที่เป็นอย่างดี และในการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการกฎหมายกำหนดให้มีคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยตัวแทนทุกภาคส่วนในจังหวัด
ทั้งภาครัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่น เอกชน และประชาชน
2)
ควรพัฒนาความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชน ในการบริหาร กำกับ ดูแล
ตรวจสอบ นายจ้างสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองในการให้ความคุ้มครองสภาพการจ้างงาน
และคุ้มครองแรงงานให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล
3)
ควรเจรจากับรัฐบาลพม่าเพื่อเพิ่มจุดพิสูจน์สัญชาติ หรือให้เจ้าหน้าที่พม่าเข้ามาพิสูจน์สัญชาติ
ในประเทศไทย เช่นเดียวกับการพิสูจน์สัญชาติแรงงานลาวและกัมพูชา
4)
ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจในการช่วยกรอกแบบพิสูจน์สัญชาติแรงงานพม่าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
โดยร่วมมือกับภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐอื่น เช่น ทหาร ตำรวจในการส่งแรงงานไปพิสูจน์สัญชาติโดยใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เพื่อเป็นการถ่วงดุลและ
เพิ่มทางเลือกในการพิสูจน์สัญชาติ
5)
รัฐบาลควรมอบให้คณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องแรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติเป็นการเฉพาะ
โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงาสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยรับผิดชอบดำเนินการ
6)
ควรลดขั้นตอนในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย โดยให้จังหวัดสามารถแจ้งความ
ต้องการแรงงานต่างด้าวไปให้ทางการของประเทศนั้นๆได้โดยตรง
7)
กระทรวงมหาดไทยควรมีมาตรการป้องกันการสวมสิทธิต่างด้าว และมีการลงโทษผู้กระทำผิด
รวมทั้งลงโทษเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดอย่างเคร่งครัด
8)
ควรจัดตั้งอาสาสมัครและเครือข่ายภาคประชาชนจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองถูกกฎหมายและได้รับใบอนุญาตทำงาน
เพื่อช่วยเหลือทางราชการในการแจ้งข้อมูล เบาะแส แจ้งเตือน และรายงานข่าวเกี่ยวกับการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว
9)
ควรกำหนดมาตรการผลักดันและส่งกลับแรงงานต่างด้าวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดทำทะเบียนประวัติแรงงานต่างด้าวที่ผลักดันและส่งกลับ
และให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพิจารณาทั้งการเพิ่มโทษ
การเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร การเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน
10)
ควรให้ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจัดทำแผนบูรณาการตรวจสอบสถานประกอบการตามพื้นที่ต่างๆ
11)
ควรกำหนดมาตรการลดการพึ่งพาแรงงานต่างด้าวแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองในระยะยาว
เร่งปรับโครงสร้างภาคการผลิตของไทยสู่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมีฝีมือ ปรับโครงสร้างกิจกรรมการผลิตที่ใช้แรงงานแบบเข้มข้นไปใช้ทุนในรูปเครื่องจักรและเทคโนโลยีทดแทนมากขึ้น
โดยใช้มาตรการด้านภาษีเป็นแรงจูงใจ
12)
ควรจัดระบบข้อมูลคนต่างด้าวในประเทศไทย โดยมอบหมายให้กรมการปกครองเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบทำฐานข้อมูลแรงงานต่างด้าวทั้งระบบโดยใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
และสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่ข้องได้
13)
ควรมีการส่งเสริมสร้างจิตสำนึกนายจ้าง/ผู้ประกอบการโดยให้คำนึงถึงผลกระทบจากการจ้างแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
และควรมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้นในพื้นที่ชายแดนเพื่อให้แรงงานต่างด้าวในพื้นที่ชายแดนทราบว่า
การลักลอบเข้ามาในประเทศไทยจะไม่ทำให้แรงงานต่างด้าวและครอบคนครัวได้รับสถานะและสัญชาติไทย
และให้ทราบถึงบทลงโทษหากมีการลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยและต้องถูกผลักดันและส่งกลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น